Unstill.H
วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555
ENGLISH
LONDON :)
คำว่า "อิงแลนด์" (England) ซึ่งเป็นชื่อในภาษาอังกฤษของอังกฤษในปัจจุบัน ได้มาจากชื่อ "อังเกิล" (Angles) ซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งในบรรดาชนเผ่าเยอรมันหลายเผ่าที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในดินแดนนี้ ตั้งแต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง 6 โดยมาจาก "Engla Land" และกลายมาเป็น "England" ในปัจจุบัน
วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555
Symbol of London.
“กรุงลอนดอน” เป็นเมืองหลวงของประเทศอังกฤษและสหราชอาณาจักร มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบ มีอาณาเขตประมาณ 1,600 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 7.5 ล้านคน ซึ่งแบ่งออกเป็นฝั่งเหนือและฝั่งใต้โดยใช้แม่น้ำเทมส์ แม่น้ำสายสำคัญของที่นี่เป็นตัวแบ่ง
ด้วยการที่ลอนดอนเป็นเมืองใหญ่ มีประชากรจากทั่วทุกมุมโลกหลั่งไหลเข้ามาใช้ชีวิตที่นี่ ทำให้ประชากรมีความหลากหลายทั้งทางด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรม ศาสนา และภาษา ซึ่งประมาณกันว่าภาษาที่ใช้สื่อสารมีมากกว่า 300 ภาษา สำหรับชื่อ “ลอนดอน” นั้นนักประวัติศาสตร์คาดกันว่าน่าจะมาจากยุคสมัยที่โรมันได้แผ่ขยายอำนาจเข้ามาปกครองเมื่อปี ค.ศ. 43 โดยตั้งชื่อให้ว่า “ลอนดิเนียม (Londinium)” และได้เพี้ยนจนกลายมาเป็นชื่อ “ลอนดอน” ซึ่งหลังจากโรมันถอนทัพออกไปลอนดอนกลายเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในอังกฤษ รวมทั้งยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรปอีกด้วย
ที่นี่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญทางธุรกิจ การเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของโลก เป็นผู้นำด้านการเงิน การเมือง การสื่อสาร การบันเทิง แฟชั่น ศิลปะ และเป็นที่ยอมรับว่ามีอิทธิพลไปทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเป็นศูนย์รวมในด้านต่างๆ นั้น ในอดีตลอนดอนเคยประสบภัยพิบัติมากมาย
ยกตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 1665 เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ ซึ่งได้คร่าชีวิตชาวลอนดอนไปกว่า 1 แสนคน และหลังจากนั้น 1 ปี คือในปี ค.ศ. 1666 ลอนดอนประสบอัคคีภัยครั้งใหญ่ โดยเกิดเพลิงไหม้นานถึง 5 วันเต็ม เผาผลาญอาคารไปมากกว่า 1.3 หมื่นหลังคาเรือน จากเหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้ผู้คนเชื่อว่าเลข 666 เป็นเลขแห่งความโชคร้าย
ในปัจจุบันไม่มีใครปฏิเสธว่าที่นี่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมในระดับนานาชาติ รวมทั้งเป็นปลายทางท่องเที่ยวที่สำคัญของทวีปยุโรปที่นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางมาสัมผัส และแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงสัญลักษณ์ของลอนดอน เชื่อเหลือเกินว่าหอนาฬิกา “Big Ben” จะต้องเป็นคำตอบอันดับแรกของใครหลายๆคน
“Big Ben” ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของลอนดอนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1858 และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นาฬิกาเรือนยักษ์นี้ก็ส่งเสียงกังวาลฉลองครบรอบ 150 ปีหลังจากที่เริ่มตีระฆังครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ก.ค.
นาฬิกาที่นี่มีชื่อเสียงอย่างมากในด้านความเที่ยงตรง โดยทางหอดูดาวที่เมืองกรีนิช ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมเวลามาตรฐานโลก ได้ใช้เป็นเครื่องบอกเวลามาตรฐานผ่านทางสถานีวิทยุบีบีซี ถ่ายทอดเสียงการตีบอกเวลาของนาฬิกาเรือนนี้ไปทั่วโลก
“วิหารเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Abbey)” สถานที่ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์อังกฤษมานานกว่า 900 ปี รวมทั้งเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์และราชวงศ์หลายพระองค์
เช่นเดียวกับ “พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace)” สัญลักษณ์สำคัญของราชวงศ์อังกฤษสร้างขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 18 เป็นที่ประทับของสมเด็จพระราชินีนาถ อลิซาเบธที่ 2 เดิมเป็นบ้านของขุนนาง Duke of Buckingham แต่ได้ปรับปรุงจนเป็นราชวัง โดยพระนางวิกตอเรียเป็นพระองค์แรกที่ประทับที่นี่ และเมื่อมาที่บักกิงแฮมก็ต้องชมการผลัดเปลี่ยนเวรยามของทหารที่อารักขาพระราชวัง ที่ว่ากันว่าหากไม่ได้ดูก็เหมือนมาเที่ยวไม่ทั่วกรุงลอนดอน
“ทาวเวอร์ บริดจ์ (Tower Bridge)” สะพานหอคอยคู่ที่เป็นอีกสัญลักษณ์สำคัญของลอนดอน โดยสะพานนี้ยังคงมีการเปิดสะพานเพื่อให้เรือสูงผ่านไปได้
“ลอนดอน อาย (London Eye)” หรือ “มิลเลเนียมวีล (Millennium Wheel)” เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป สูงถึง 135 เมตร ซึ่งทำให้สามารถมองเห็นลอนดอนทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเทมส์จากมุมสูง
วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555
Hello!!
สวัสดีคะ !!
22 มกราคม 2555 ฮา ฮ่า
วันนี้ทำ Blogger ของตัวเอง..ไม่รู้จะใส่อ่ะไร พี่เขาบอกให้พิม
โอเค ฉันก็พิม โอ้วว เย่ จะเที่ยงแล้ว
หิวจังเลย ตอนนี้อยากเข้าห้องน้ำ มว๊ากกกก
อด ทน ไว้...~
22 มกราคม 2555 ฮา ฮ่า
วันนี้ทำ Blogger ของตัวเอง..ไม่รู้จะใส่อ่ะไร พี่เขาบอกให้พิม
โอเค ฉันก็พิม โอ้วว เย่ จะเที่ยงแล้ว
หิวจังเลย ตอนนี้อยากเข้าห้องน้ำ มว๊ากกกก
อด ทน ไว้...~
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)